top of page

รวมบทความโภชนาการทั้งหมด

กินแต่ผลไม้ ลดความอ้วน ทำได้จริงไหม ข้อดีข้อเสียยังไง

    ช่วงนี้หลายๆคนพูดถึง Diet แบบนึงบ่อยๆ คือ Diet ประเภทที่กินผลไม้เยอะๆ หรือกินแต่ผักผลไม้ ซึ่งวันนี้ขอชี้แจงก่อนครับว่า Plant Based Diet จริงๆแล้ว
มีหลายแบบ คือ

Vegan: ไม่กินผลิตภัณฑ์จากสัตว์ใดๆทั้งสิ้น ไม่ใช้เครื่องสำอางค์หรือยาที่ทดสอบในสัตว์
ดังนั้น น้ำผึ้ง นม พวกนี้กินไม่ได้ และพวกเสื้อผ้าขนสัตว์จะไม่ใส่

Vegetarian (Lacto-Ovo): คือกินนมและไข่ได้ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์

เจ: แบบบ้านเรา คือห้ามเนื้อสัตว์ และของมีกลิ่น และมีกฎเฉพาะหลายอย่าง

(เช่นห้ามรวมจาน หรือห้ามกินหัวหอมกระเทียม)

ซึ่งใน Veganism นั้น ก็ยังแบ่งได้อีกหลายแบบ!Vegan ธรรมดานั้น ไม่ได้เน้นว่าจะต้องกินสัดส่วนอาหารเท่าไหร่ ดังนั้นสามารถกินโปรตีน ไขมัน หรืออาหารแปรรูปได้ตามปกติ ขอให้ไม่ได้มาจากเนื้อสัตว์ ทีนี้ยังมี Vegan อีกหลายแบบที่มีวิธีการกินต่างกันออกไป 

Raw Vegan หรือที่เน้นการกินอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน ก็ไม่พ้นกินแต่ผัก ถั่ว และผลไม้เป็นหลัก

Fruitarian ซึ่งเป็นประเด็นที่เราจะพูดถึงในวันนี้ ซึ่งก็คือการกินผลไม้​ (แทบจะ) เป็นอาหารหลัก

กินคลีนคืออะไร
   การที่เราทานอาหารที่ปรุงแต่งน้อย หรือรสไม่จัดเกินไป ในขั้นตอนการทำ เราสามารถนำวัตถุดิบที่มีประโยชน์ มาทดแทนได้ เช่น นมวัว เป็นนมวันไขมันต่ำ หรือนมถั่วเหลือง ที่โปรตีนเท่าๆกันหรือมากกว่า แต่ไขมันน้อยกว่า
นิยามการกินคลีน

การเลือกกินอาหารที่Nutrient Denseไม่ใช่CalorieDense

กินอาหารที่มีผักและอาหารธรรมชาติ ไม่ผ่านขบวนการ

อาหารที่ไม่ผ่านการปรุงรสจัดๆให้หวานมากหรือมีไขมันมาก

อาหารที่ไม่มีสารเคมี  เช่นชูรส ยากันบูด สี สารเสริมต่างๆ

ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการกินคลีน

   ต้องกินน้อย

   ต้องอดข้าวเย็น

   ห้ามกินแป้ง น้ำตาล

ซึ่งตารางอาหาร “คลีน” แบบผิดๆ หน้าตาจะเป็นแบบนี้เช้า: ไข่ขาวสองฟอง กาแฟดำ ขนมปังโฮลวีท 1 แผ่นเที่ยง: แอปเปิล 1 ลูก โยเกิร์ตเย็น: สลัดผัก ทูน่ากระป๋องในน้ำเกลือกลางคืน: นมถัวเหลือง 1 กล่อง

ถ้ากินคลีนแบบผิดๆ สรุปได้ว่าจะเป็นแบบนี้

   ผอมแน่: แต่ที่น้ำหนักลด เป็นเพราะกล้ามหาย ยิ่งกินยิ่งอ่อนแอ

   โยโย่แน่: พอถึงจุดหนึ่ง คุณก็จะอยากกินอาหารปกติ แล้วจุดนั้น YOYO แน่นอน

   ร่างกายแย่จากข้างใน: เพราะแต่ละเมนู ขาดไขมัน และร่างกายเราต้องการไขมัน! (เพราะ Vitamin AEDK ใช้ไขมันช่วยย่อย)

   Combo ที่คนทำกันเยอะ คือกินน้อย (ไม่ได้แปลว่ากินคลีน อย่างที่พูดไป) และออกกำลังกายหนักๆ ทำให้ยิ่งผอมเร็ว และ YOYO ง่าย

กินคลีนคืออะไร ผอมจริงป่าว
รวมเมนูต่างๆ ที่ทำเองได้ง่ายๆ
ทุกสิ่งอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับแป้ง และเทคนิคการกินแป้งให้ดูดี

   Phase 1: Carb Depletion ตัด หรือลดแป้ง ใน Phase นี้ มักจะนิยมตัดแป้ง เพื่อให้ร่างกาย Sensitive ต่อการเก็บแป้ง (จะได้ไปเก็บในกล้ามเนื้อ) ซึ่งแต่ละท่านก็มีเทคนิคต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะมีการลดปริมาณแป้งที่กินลงจนถึงประมาณ 10-30% ของ calorie ที่ได้รับในแต่ละวัน เป็นเวลาตั้งแต่ 3-7 วัน ก็แล้วแต่ผู้สอนครับ ซึ่งหลักการในการทำงานของส่วนนี้คือ เราลดแป้ง เพื่อให้ร่างกายใช้ Glycogen(ถึงจุดนี้ น่าจะทราบว่า Glycogen = แป้งที่เก็บในร่างกาย มีอธิบายใน Video ครับ) ที่สะสมอยู่ให้หมด หรือเหลือต่ำมากๆ ซึ่งช่วงนี้จะมีการทำ Carb Depletion Workout หรือการออกกำลังแบบที่เน้นในการใช้ Glycogen ด้วย (ถ้าอยากดูไปเม้นใน facebook เลย เดี๋ยวทำเป็น episode นึงให้ดู) เพื่อช่วยให้ร่างกายใช้ Glycogen หมดเร็วขึ้น

   Phase 2: Carb Load หรือการ ยัดแป้ง! การที่ร่างกายใช้ Glycogen ก็ทำให้ร่างกาย “กระหาย” ที่จะนำแป้งไปทดแทนในกล้ามเนื้อ พูดง่ายๆคือปกติแล้วถ้าร่างกายเราไม่ได้ออกกำลังกายหนักๆจนระดับ Glycogen ลด ถ้าเรากินแป้งเยอะๆ ก็มีโอกาสเก็บเป็นไขมันได้ เพราะร่างกายไม่ได้กระหายแป้งขนาดนั้น แต่เมื่อแป้งในร่างกายถูกใช้จนหมด และแหล่งสะสมแป้งที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายคือในกล้ามเนื้อมันหมด แน่นอนว่าการที่เรากินแป้งเข้าไปหลังจาก Depletion Phase ก็จะทำให้กล้ามเนื้อดูดไปรับเต็มๆนั่นเองครับ (Glycogen เก็บในตับ เฉลี่ยๆประมาณ 110-150g และในกล้ามเนื้อประมาณ 200-300g หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับขนาดตัว)

   Phase 3: Carb Load Continues หรือการโหลดต่อเนื่อง และการวางแผนจนวันถ่ายแบบทีนี้ การโหลดแป้ง (อันนี้แล้วแต่แนวคิดของแต่ละท่านและ) ไม่ได้จบแค่การ ยัดแป้ง ตู้มเดียวจบ เพราะว่าร่างกายของเรารับแป้งได้ไม่เท่ากัน และยังมีเรื่องของปริมาณน้ำ และปริมาณเกลือ ซึ่งเป็น electrolyte หรือสื่อนำน้ำเข้าเซล (ภาษาคน: ไม่มีเกลือ ไม่มีน้ำ แป้งไม่เก็บ) และยังมีเรื่องอาการแพ้อาหารอีก

bottom of page